แม้กระทั่งทุกวันนี้ เอริค คันโตน่า ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เปลี่ยนโฉมฟุตบอลอังกฤษได้มากที่สุดคนหนึ่งในยุคพรีเมียร์ ลีก
แม้จะไม่ได้เป็นนักฟุตบอลต่างชาติที่เก่งที่สุด เพราะตลอดประวัติศาสตร์เกือบ 30 ปี ตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนโฉมจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น พรีเมียร์ ลีก มีดาวเตะต่างชาติเก่งๆ มากมายเข้ามาทำมาหากิน
ทว่าอิทธิพลที่ "ก็องโต้" มีต่อฟุตบอลอังกฤษมันมากมาย ทั้งการช่วยให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด ในชื่อดิวิชั่น 1 เป็นครั้งสุดท้ายปี 1991/92
ถัดมาเขาช่วยให้อริตลอดกาลของลีดส์ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ลีกสูงสุดที่เปลี่ยนมาเป็น พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลแรกคือ 1992/93 ทันที
นั่นคือจุดเริ่มความยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจแดงภายใต้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แถมยังเป็นนักเตะที่ทำให้ทีมในอังกฤษอยากจะหา "สตาร์ต่างชาติ" ของตัวเองมายกระดับทีมเพิ่มมากขึ้น
หนึ่งในเรื่องราวที่เป็น Myth หรือนิยายปรัมปรา ความเชื่อที่ยังคลุมเครือ มากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ เอริค คันโตน่า เคยมาทดสอบฝีเท้ากับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ แต่ไม่ได้รับการยื่นสัญญาให้
มันทำให้แฟนบอล เว้นส์เดย์ โมโหทีมตัวเองมาก ยิ่งเมื่อมองว่าต่อมา ก็องโต้ ช่วยให้ทั้ง ลีดส์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์
หนึ่งในคนที่โดนโจมตีคือ เทรเวอร์ ฟรานซิส
เทรเวอร์ ฟรานซิส คือกองหน้าตำนานของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ และเขาคือนักเตะค่าตัว 1 ล้านปอนด์คนแรกของสหราชอาณาจักร เมื่อย้ายจากเบอร์มิงแฮม มายัง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1979
เขาเคยย้ายไปเล่นในอิตาลีด้วย กับ ซามพ์โดเรีย และอตาลันต้า ก่อนกลับมาแขวนสตั๊ดกับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์
เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ที่มี รอน แอตกินสัน คุมทีม พาทีมเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 มาสู่ ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จในปี 1990/91 แต่แล้วก็อำลาไปคุม แอสตัน วิลล่า ก่อนฤดูกาล 1991/92 จะเปิดไม่นาน
นั่นทำให้มีเสียงสนับสนุนดัน เทรเวอร์ ฟรานซิส ในวัย 37 ปีขึ้นมาคุมทีมไปเลย ในบทเป็นผู้เล่น/ผู้จัดการทีม ลุยลีกสูงสุด ซึ่งยังเป็นชื่อ ดิวิชั่น 1 ในปีน้ัน
ข้ามฟากไปดูที่ฝรั่งเศสสักนิด เอริค คันโตน่า ในวัย 25 ปี ก็เป็นเช่นเดียวกับนักเตะพรสวรรค์สายศิลปินอีกหลายคน ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมักมีนิสัยที่แข็งกร้าว
ช่วงนี่นั้นเขาย้ายจากมาร์กเซย ไปเล่นให้ บอร์กโดซ์, มงต์เปลลิเยร์ แล้วมาลงเอยกับ นีมส์
เดือนธันวาคม 1991 เขาขว้างบอลใส่ผู้ตัดสินเพราะไม่พอใจคำตัดสิน ทำให้โดนลงโทษ ระหว่างการฟังคำตัดสินจากสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส เขาโดนแบน 1 เดือน เลยเดินไปด่าคณะกรรมการตัดสินเรียงตัวว่าเป็นพวก "อีเดียต" ทำให้โทษเพิ่มเป็น 2 เดือน
ไม่กี่วันต่อมา ด้วยความเบื่อหน่าย คันโตน่า เลยตัดสินใจประกาศรีไทร์ แขวนสตั๊ดมันเสียเลย
ทีมชาติฝรั่งเศสตอนนั้นมี มิเชล พลาตินี่ คุมทีม และมี เชราร์ อุลลิเยร์ เป็นมือขวา
เอริค คันโตน่า คือกองหน้าตัวหลักของทีมชาติฝรั่งเศสและ พลาตินี่ ก็ชื่นชอบในตัวก็องโต้ด้วย ดังนั้น "นโปเลียนลูกหนัง" กับ "เฮียโปน" เลยพยายามหาทางออก เพื่อช่วยเหลือ คันโตน่า
ต่างก็ตกลงกันว่า ปลายทางที่เหมาะกับ คันโตน่า เพื่อให้เคลียร์สภาพจิตใจ น่าจะเป็นฟุตบอลอังกฤษ ไม่ใช่ในฝรั่งเศสแล้ว
ลิเวอร์พูล ที่มี แกรม ซูเนสส์ คุมทีม ตอนนั้นพวกเขาเจอกับ โอแซร์ ในยูฟ่า คัพ หลังจบเกม มิเชล พลาตินี่ ก็เข้าไปคุยกับ ซูเนสส์ เพื่อแนะว่าให้เซ็น คันโตน่า ไปสิ นี่เป็นนักเตะที่เก่ง
ทว่าลิเวอร์พูลมีกองหน้าที่เพียงพอแถม ซูเนสส์ ไม่อยากดึงนักเตะที่อาจจะสร้างปัญหาในห้องแต่งตัวเข้ามาสู่ทีม เลยตอบปฏิเสธ
ต่อมา พลาตินี่ เลยใช้คอนเน็คชั่น เพื่อให้ คันโตน่า ได้ไปฝึกซ้อมกับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
เรามาว่ากันที่ ข้อมูลจากฝั่งของ คันโตน่า ก่อนแล้วกัน และเป็นเรื่องที่คนเชื่อกันมากที่สุด
คันโตน่า นั้นเล่าว่า เขาถูกติดต่อเข้าไปเพื่อเซ็นสัญญาเลย และเขาได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับทีมนกเค้าแมวไปแล้วด้วย และเขาก็ทำได้ดีด้วย
เพียงแต่หลังจากนั้นทาง เทรเวอร์ ฟรานซิส ขอให้เขาอยู่ทดสอบฝีเท้าเพิ่มอีกสัก 1 สัปดาห์ ทำให้เขาผิดหวัง และไม่พอใจมาก ในที่สุด ลีดส์ ก็ติดต่อเข้ามาพอดี เขาเลยเซ็นกับทีมยูงทอง
"เขาไม่ได้เชิญผมไปทดสอบฝีเท้า ผมไปที่นั่น 1 สัปดาห์และผมคิดว่าผมไปเพื่อเซ็นสัญญาเลย"
"ทนายของผมก็อยู่ที่นั่นและเขาคุยเพื่อพยายามหาทางเรื่องสัญญา"
"ผมซ้อมและเล่นในเกมกระชับมิตร เราชนะ 4-3 ผมยิงได้ 3 ประตู"
"หลังจาก 1 สัปดาห์ เขาก็ขอให้ผมอยู่ต่ออีก 1 สัปดาห์เพื่อทดสอบฝีเท้า"
"สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีนักเตะต่างชาติในอังกฤษเท่าไหร่นัก บางทีอาจมีบ้างจากยุโรปเหนือ แต่จากทางใต้ไม่ค่อยมี"
(สมัยนั้นนักเตะจากสแกนดิเนเวีย, ฮอลแลนด์ มีมาเล่นในฟุตบอลอังกฤษ แต่แข้งฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี ยังแทบไม่มี)
"บางทีพวกเขาอาจยังข้องใจอยู่ แต่ผมเป็นตัวทีมชาติฝรั่งเศส และเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ต้องการเวลาทดสอบเพิ่มเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับตัวผม นั่นไม่ใช่วิธีที่ดีนักในการเริ่มต้นกัน"
เรื่องที่ คันโตน่า เล่านี่แหละ รวมถึงสื่ออังกฤษรายงานตรงกันด้วยว่า เขามาทดสอบฝีเท้า แต่ เว้นส์เดย์ ยังไม่ยอมยื่นสัญญาให้ สุดท้ายก็เหมือนปล่อยของดีให้หลุดมือ
ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ ฟังความข้างเดียวก็กระไรอยู่ ทาง เทรเวอร์ ฟรานซิส ไม่เคยได้ชี้แจงเรื่องนี้เลย จนกระทั่งเขาออกหนังสืออัตชีวประวัติ "One in the Million" เมื่อปี 2019 เขาเลยได้อธิบายเรื่องราวในุมมของเขา
"ในปี 1992 ขณะที่เรายังคงปรับตัวเข้ากับลีกสูงสุด ผมได้รับโทรศัพท์จาก เดนนิส โรช เอเยนต์ที่เคยช่วยผมย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเล่นกับซามพ์โดเรีย"
"เขาอยากให้ผมช่วยอะไรเขาสักอย่างเพื่อ มิเชล พลาตินี่ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส"
"เดนนิส ถามผมว่าผมจะให้ เอริค คันโตน่า ซึ่งตัดสินใจกลับจากการรีไทร์ มาซ้อมกับเราสัก 2-3 วันได้ไหม"
"ก่อนตกลงรับปาก ผมบอกกับ เดนนิส ไปว่า ผมพร้อมจะช่วยตราบใดที่มันไม่ทำให้สโมสรต้องเสียเงิน พวกค่าเครื่องบิน, โรงแรม, หรือการเดินทางอื่นๆ ทุกอย่างต้องถูกจ่ายโดยทางฝั่งของเขาเองนะ"
ต้องบอกว่าในยุคนั้น เงินในฟุตบอลอังกฤษไม่ได้อู้ฟู่อย่างทุกวันนี้ การจะทำอะไรสักอย่างต้องคิดให้รอบคอบ โดยเฉพาะทีมที่เพิ่งคัมแบ็กกลับสู่ลีกสูงสุดอย่าง เว้นส์เดย์ ด้วย
"ทุกอย่างตกลงตามนั้นและ เอริค ก็มาอยู่ซ้อมด้วย 2 วัน"
"โชคไม่ดี ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่อากาศหนาวมากในเชฟฟิลด์ ซึ่งเราไม่สามารถใช้สนามซ้อมของเราได้"
"ในวันแรกของการมาซ้อมของ เอริค เราใช้สนามหญ้าเทียมในร็อทเธอร์แฮม และในวันที่สอง เราเล่นในอินดอร์ เจอกับทีมจากอเมริกันทีมนึง"
"คันโตน่า เล่นได้ดีมากทีเดียวในเกมนั้น แล้วก็มีเสียงล็อบบี้มาจากพวกสื่อว่าเว้นส์เดย์ กำลังจะเซ็นเขา"
"ไม่เคยมีทีท่าอะไรจากเราเลยที่จะเซ็น เอริค คันโตน่า เขามาซ้อมกับเราเพียงเพราะคำขอร้องจาก เดนนิส โรช และ พลาตินี่ ผมพูดเรื่องนี้ชัดตั้งแต่ต้นแล้ว"
"สิ่งเดียวที่ผมทำเพิ่มเติมคือ ผมบอกว่าผมอยากให้เขาอยู่ต่ออีกวัน เพราะมันคงเป็นเรื่องดีที่จะได้เห็นเขาได้โอกาสลงเล่นในสนามหญ้าจริง"
"เอริค มากับทีมงานขนานใหญ่ มีทั้งนักข่าว, เอเยนต์ และผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งไม่รู้ยังไงพวกเขาแปลคำแนะนำของผมที่อยากให้เขาได้ซ้อมต่ออีกวัน กลายเป็นว่าผมอยากให้เขาทดสอบฝีเท้า"
"ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อมีคำพูดกลับมาถึงผมว่า เอริค คันโตน่า ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทดสอบฝีเท้า ผมรู้อยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่การทดสอบฝีเท้ายังไงล่ะ"
"ในตอนนั้น โฮเวิร์ด วิลคินสัน ผู้จัดการทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ได้คุยกับที่ปรึกษาของเอริค ที่ประกาศว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอเพื่อให้เขาเซ็นกับลีดส์"
"ผมยิ่งกว่ายินดีกับเขาเสียอีกที่ทำแบบนั้น และนั่นคือเรื่องทั้งหมด"
"แม้แต่ตอนนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะผมเองด้วยที่ไม่เคยได้อธิบายเรื่องทั้งหมดมาก่อนเลย ที่ผู้คนยังคงถามผมว่า 'คุณพลาดตัว เอริค คันโตน่า ได้ยังไง?' 'ทำไมคุณไม่เซ็นกับเขา?'
"ไม่ต้องลงลึกรายละเอียดเกินไป หนึ่งในเหตุผลคงจะเป็นผมมีนักเตะกองหน้าเยอะแล้ว แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ส่วนตัวผม ผมไม่เคยมองว่ามีกองหน้า"เยอะเกินไป" หรอกนะ"
"สำคัญคือ สัญญาที่เขาจะเรียกร้องนั้น มันคงจะฆ่างบประมาณของผมหมดเกลี้ยงแน่ เพราะเราเป็นทีมที่เพิ่งขึ้นมาจากดิวิชั่น 2"
"หวังว่านี่คงจะยุติเรื่องราวของคันโตน่าได้เสียที มันเป็นนิยายปรัมปราอีกเรื่องเท่านั้น"
ปี 1991 ค่าเหนื่อยเฉลี่ยของนักเตะบนลีกสูงสุดอังกฤษ อยู่ที่เพียง 1,600 ปอนด์เท่านั้น คนแรกที่ได้เงินถึง 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์คือ จอห์น บาร์นส์ แต่ก็ต้องอีก 1 ปีให้หลังคือปี 1992
งบประมาณของ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ไม่ได้เยอะมากมายนัก และบทบาทผู้จัดการทีม ต้องดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี ไม่ใช่แค่เพียงทำหน้าที่เป็นเทรเนอร์ ฝึกซ้อม จัดทีมลงเล่น อย่างในระบบฟุตบอลทุกวันนี้
เมื่อสุดท้ายแล้ว คันโตน่า ไม่ได้เคยใกล้เคียงที่จะเซ็นกับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ เลย ไม่กี่วันต่อมาคือมกราคม 1992 ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็เซ็นเขาไปร่วมทีมนั่นเอง
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117