เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นเกมวันบ็อกซิ่ง เดย์ เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เลสเตอร์ เป็นอะไรที่ตอบความต้องการของแฟนบอลได้ครบถ้วน
สกอร์จบที่ชัยชนะ 6-3 ของทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่เนื้อเกม มันคือความมันสุดยอด
ตลอดช่วงที่ผ่านมา โปรแกรมวันบ็อกซิ่งเดย์ มักเกิดผลการแข่งขันประหลาดๆ อยู่เสมอ วิเคราะห์กันว่า เป็นเพราะโปรแกรมมันแน่น นักเตะล้า แถมมันเป็นโปรแกรมหลังวันคริสต์มาส ซึ่งนักเตะบางคนอาจจะฉลอง กินดื่ม มากไปหน่อย เรียกว่าร่างกายไม่ 100%
เกมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา เลสเตอร์ สภาพทีมแย่เพราะนักเตะเจ็บเพียบ พวกเขาโดนเจ้าบ้าน แมนฯ ซิตี้ ถลุงไป 4-0 ภายใน 25 นาที
พอลงมาครึ่งหลัง แทนที่จะโดนเพิ่มแต่ เลสเตอร์ กลับฮึด ไล่ยิงคืน 3 ประตูรวด กลายมาเป็น 3-4 ภายใน 20 นาทีเท่านั้น
โมเมนตัม กำลังเป็นของเลสเตอร์ แต่ แมนฯ ซิตี้ ฮึดหนีไปเป็น 5-3 จากนั้นก็ประคองเกมเอาไว้ได้ ก่อนมาปิดด้วยอีก 1 ประตู กลายเป็นจบที่ 6-3
มันเกือบกลายเป็นสุดยอดการคัมแบ็ก
เมื่อเอ่ยถึงสุดยอดการคัมแบ็กในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก มีหลายเกมที่พูดถึง แต่หลายต่อหลายสำนักข่าว มักจะยกให้เกมหนึ่ง ที่ได้คะแนนโหวตเยอะ ก็เพราะมันคือการยิงรวด ทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีสกอร์ของอีกฝั่งมาคั่น
นั่นคือเกมระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2011
ฤดูกาลนั้น 2010/11 นิวคาสเซิ่ล ที่ตกชั้นไป 1 ปี คัมแบ็กกลับมา พวกเขาได้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ในฐานะกองหน้าเด็กปั้น ผงาดขึ้นมาเป็นตัวหลัก
บิ๊กแอนดี้ ยิงไป 11 ประตูจาก 19 นัดพรีเมียร์ ลีก แต่พอตลาดหน้าหนาวมาถึง เขาก็ย้ายทีมไปอยู่กับลิเวอร์พูล ในวันเดด ไลน์ พอดี
มิหนำซ้ำ นิวคาสเซิ่ล ยังมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ คริส ฮิวจ์ตัน โดนปลดเดือนธันวาคม 2010 และแต่งตั้ง อลัน พาร์ดิว เข้ามาแทน
ขึ้นปีใหม่มา พาร์ดิว นำทีมทำผลงานใช้ได้ ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 ก่อนมาเจอกับ อาร์เซน่อล นัดนี้
ฝั่งอาร์เซน่อล ปีนั้นถือเป็นปีที่ "แก่เต็มที่" หรือหนองกำลังจะแตก ช่วงนั้น อาร์เซน่อล ตั้งเป้าลุ้นแชมป์ทุกปี แต่เอาเข้าจริง พวกเขามักจบด้วยการเป็นท็อป 4
ทว่า อาร์เซน่อล ตอนนั้นก็ยังมีสถานะเป็นทีมท็อป 4 ของลีก ไม่ใช่ทีมต้องมาลุ้นอันดับยุโรปแบบไม่มีความแน่นอนอย่างช่วงหลังๆ
ตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังแกร่ง, เชลซี ยังแกร่ง และมี แมนฯ ซิตี้ ยุคเงินใหม่ที่ผงาดขึ้นมา ส่วน ลิเวอร์พูล เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ด้าน สเปอร์ส เข้ายุคของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เล่นบอลมัน แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่อมั่นว่าจะคงสถานะการได้ลุ้นไป ชปล. ทุกปี
2010/11 อาร์เซน่อล มีฤดูกาลที่ดีมาก เป็นปีแรกที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาใส่เบอร์ 10 หลังปล่อย วิลเลี่ยม กัลลาส ออกไปอยู่กับสเปอร์ส อริร่วมถิ่น
เชส ฟาเบรกาส เป็นจอมทัพ สวมปลอกแขนกัปตันทีม มี ซาเมียร์ นาสรี่ กับ โทมัส โรซิชกี้ พร้อมปั้นเกม ส่วน อันเดร อาร์ชาวิน ก็ยังพอไหว, ตัวลุยมี อเล็กซ์ ซง ช่วยตรงกลาง
ดาวรุ่งฝีเท้าดีตอนนั้นเพียบ ธีโอ วัลค็อตต์, แจ็ค วิลเชียร์, คาร์ลอส เวล่า, เดนิลสัน, อาบู ดิยาบี้, แอรอน แรมซี่ย์
หากจะมีจุดอ่อนที่ชัดเจนคือแผงหลัง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ เป็นตัวหลัก เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โธมัส แฟร์มาเล่น สภาพร่างกายไม่ดี, โยฮัน ฌูรู ต่างก็เชื่อถือไม่ได้มากนัก แม้ว่าแบ็กจะเก่งในการเติมเกมรุกก็ตามทั้ง บาการี่ ซานญ่า, กาแอล กลิชี่, เอมานูแอล เอบูเอ้, คีแรน กิ๊บบ์ส
อย่างไรก็ตามในเกมนัดนี้ อาร์เซน่อล ก็ถูกยกให้เป็นต่อเยอะ ณ ช่วงเวลานั้น อาร์เซน่อล กำลังเข้าฝัก นับจากแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อกลางเดือนธันวาคม ต่อจากนั้นอีก 7 นัด พวกเขาชนะ 5 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร และมีแต้มตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น
อีกหนึ่งแรงจูงใจของอาร์เซน่อล นอกจากจะคว้า 3 คะแนนเพื่อตามไล่ล่าทีมปีศาจแดงก็คือ นิวคาสเซิ่ล คือทีมที่บุกไปเอาชนะพวกเขาได้ 1-0 ตอนเดือนพฤศจิกายน
เริ่มเกมมา แค่ 42 วินาที อาร์เซน่อล ก็ออกนำอย่างไวเมื่อ ธีโอ วัลค็อตต์ ได้บอลหลุดไปยิงนิ่มๆ
นาทีที่ 3 สกอร์เป็น 2-0 เมื่อ ฟาเบรกาส โดนตัดฟาวล์ตรงปีกซ้าย และเป็น อันเดร อาร์ชาวิน ที่เปิดฟรีคิกมาเข้าหัว โยฮัน ฌูรู โขกเข้าไปง่ายๆ
ยังไม่หนำใจ นาทีที่ 10 อาร์เซน่อล หนีไป 3-0 เมื่อ วัลค็อตต์ หักเรียดจากทางขวาเข้ามาให้ RVP ตวัดยิงไม่เหลือ
สกอร์บอร์ดทำงานอีกครั้งเป็น 4-0 ภายในนาทีที่ 26 เท่านั้นเมื่อ บาการี่ ซานญ่า ครอสเข้ามาให้ ฟาน เพอร์ซี่ เทกตัวโขกตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 2 ของตัวเองในเกมนี้
ณ ตอนนั้นกล้องจับภาพไปบนอัฒจันทร์ แฟนบอลบางคนของเจ้าถิ่น เริ่มเดินออกจากสนามกันแล้ว เพราะยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตามถึง 4-0
ในขณะที่อาร์เซน่อล จัดทีมด้วยผู้เล่นที่ดูมีชั้นมีเชิง ดิยาบี้, วิลเชียร์, วัลค็อตต์, ฟาเบรกาส, อาร์ชาวิน, ฟาน เพอร์ซี่
แต่ 11 นักเตะของนิวคาสเซิ่ล เป็นสายนักสู้ พวกเขาอาจไม่ได้มีลีลาสวยงาม แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นคือแม้ตาม 4 ประตู พวกเขายังพยายามจะบุกเพื่อทวงประตูคืนโดยไม่ท้อ
เกมนั้นของนิวคาสเซิ่ลมี สตีฟ ฮาร์เปอร์ เฝ้าเสา แนวรับ แดนนี่ ซิมพ์สัน, ไมค์ วิลเลียมสัน, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, หลุยส์ เอ็นริเก้
แดนกลาง ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส, ชีคห์ ติโอเต้ ผู้ล่วงลับ, โจอี้ บาร์ตัน จอมห่าม, โฮนาส กูเตียร์เรซ ส่วน เควิน โนแลน ยืนเป็นกลางรุกสนับสนุนกองหน้า ลีออน เบสต์
จุดเปลี่ยนมาถึงตอนต้นครึ่งหลัง เพราะเล่นกันมาได้ไม่ถึง 5 นาที โจอี้ บาร์ตัน ก็เข้าอัดกับ อาบู ดิยาบี้ ในจังหวะแย่งบอล
บาร์ตัน เล่นบทเป็นเหยื่อทันที ดิยาบี้ น็อตหลุดลุกขึ้นมาค้่ำคอ บาร์ตัน จากด้านหลังแล้วผลักเต็มแรง จากนั้น เขาก็ไปผลัก เควิน โนแลน ต่ออีก คุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำให้ ผู้ตัดสินแจกใบแดงให้กับ ดิยาบี้ ทันที
อาร์เซน่อล เหลือ 10 คน แต่ก็ยังไม่ใช่การลงมาตั้งรับ อาร์เซน่อลยุคนั้นมั่นใจในการเล่นเกมรุกของตัวเอง นำถึง 4-0 คนน้อยกว่าก็พยายามหาช่องโจมตี เกมกลับมาสนุกตื่นเต้น
กระทั่งประกายความหวังของนิวคาสเซิ่ลมาถึงนาทีที่ 68 ลีออน เบสต์ ไปโดน กอสซิแอลนี่ แซะข้อเท้าเบาๆ ล้มลงในเขตโทษ กลายเป็นจุดโทษและ โจอี้ บาร์ตัน ก็สังหารเข้าไปไล่มา 1-4
สาลิกาเจ้าถิ่นเหมือนได้ใจ พวกเขาลุยต่อเนื่อง วอยเชียค เชสนี่ นายด่านเกมนั้นของอาร์เซน่อลต้องออกแรงเซฟ
ลีออน เบสต์ ได้บอลจาก บาร์ตัน ยิงเข้าไปแต่ล้ำหน้า
แต่นาทีที่ 75 เบสต์ ก็ทำประตูของตัวเองได้ เมื่อเขาขึ้นโหม่งลูกครอส แล้วบอลไปชนหลัง กาแอล กลิชี่ ตกลงมาตรงหน้า เลยยิงซ้ำเข้าไปเป็น 2-4
ถึงตรงนี้ อาร์เซน่อลเริ่มแกว่ง เพราะคู่แข่งไล่มา แถมคึกไม่หยุด ตัวเองก็เหลือ 10 คน อาร์แซน เวนเกอร์ แก้เกมด้วยการส่ง เอมานูแอล เอบูเอ้ ลงมาช่วยปิดเกมริมเส้น แทนที่ ธีโอ วัลค็อตต์
นาทีที่ 83 ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ ทำให้เกมมันบ้าจี้ยิ่งขึ้นเพราะไปเป่าให้จุดโทษกับ นิวคาสเซิ่ล อีกครั้งในจังหวะที่ ไมค์ วิลเลี่ยมสัน ขึ้นโหม่งโดยมีสองนักเตะอาร์เซน่อลเข้าประกบ
ว่ากันตามตรงมันเป็นจังหวะที่ไม่น่าจะมีการฟาวล์อะไรด้วยซ้ำ หากเป็นยุคนี้ที่มี VAR ช่วย อาร์เซน่อล คงไม่โดนจุดโทษ
โจอี้ บาร์ตัน ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเหมือนเดิม ยิงจุดโทษลูกที่ 2 ของตัวเองให้สกอร์มาเป็น 3-4 เข้าไปตรงกลางประตู
ชีค ติโอเต้ เสียชีวิตเมื่อปี 2017 ขณะเล่นให้กับ ปักกิ่ง ในประเทศจีนด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เขาเพิ่งอายุ 30 ปีเท่านั้นตอนที่จากไป อีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็จะได้ฉลองวันเกิดปีที่ 31 แล้วแท้ๆ
อย่างไรก็ตามถ้าย้อนไปในช่วงปี 2010-2013 ชีค ติโอเต้ ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่หลายคนยกย่องบนเวทีพรีเมียร์ ลีก
นิวคาสเซิ่ล คว้าเขามาจากทเวนเต้ เมื่อตอนต้นฤดูกาล 2010/11 นั่นแหละ ตลอดช่วงที่เขาพีค ตกเป็นข่าวว่าหลายทีมใหญ่อยากได้ตัวไปร่วมทีม
ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ ตลอดอาชีพการค้าแข้ง ติโอเต้ ยิงได้แค่ 5 ประตูเท่านั้นในเกมทางการ
กับนิวคาสเซิ่ล เขาลงเล่นทั้งสิ้น 156 นัดในทุกรายการ ทำได้แค่ประตูเดียว
ประตูเดียวของเขา ก็คือประตูที่ไม่มีใครลืมลง มันคือประตูตีเสมอ 4-4 ในเกมนี้นั่นเอง
นาทีที่ 87 นิวคาสเซิ่ล ได้ฟรีคิกทางขวา โจอี้ บาร์ตัน เปิดเข้าไป นักเตะอาร์เซน่อล โหม่งสกัดออกมา บอลลอยมาตรงหน้า ชีค ติโอเต้ ที่ไร้คนประกบระยะเกือบ 30 หลา
มิดฟิลด์ไอวอเรี่ยน จัดการวอลเล่ย์ด้วยซ้ายทันทีแบบไม่ต้องรอให้บอลตกพื้น บอลพุ่งผ่านกลุ่มนักเตะตรงช่องที่เปิดว่างอยู่พอดี แล้วมุดลงที่โคนเสาซ้ายมืออย่างสวยงาม 4-4!
คอมเมนเทเตอร์ในเกมวันนั้นพ่นใส่ไมค์ด้วยความตื่นเต้นหลังประตูนี้
"นิวคาสเซิ่ล จาก 0-4 ตามตีเสมอได้สำเร็จ นี่เป็นการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก เลยครับ"
หลังจบเกม อาร์แซน เวนเกอร์ พูดเพียงว่า "เราทำหล่นไป 2 แต้ม ก็แค่นั้นแหละ"
อลัน พาร์ดิว กุนซือนิวคาสเซิ่ล "มันเป็นวันที่น่าเหลือเชื่อ"
ขณะที่ฮีโร่ตัวแสบอย่าง โจอี้ บาร์ตัน บอกว่า "เสมอเกมนี้มันรู้สึกเหมือนชัยชนะ"
แน่นอน มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
นิวคาสเซิ่ล จบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับ 12 และก้าวต่ออย่างเข้มแข็งภายใต้การคุมทีมของ พาร์ดิว ปีต่อมา พวกเขาจบสูงถึงอันดับ 5 เลยทีเดียว
ส่วนอาร์เซน่อล แม้จะไม่แพ้ใครตั้งแต่นัดที่ 18 จนถึงนัดที่ 34 ของฤดูกาล แต่หลังเสมอนิวคาสเซิ่ลแล้ว พวกเขาหลุดเสมอถึง 5 จาก 8 เกม
อีกทั้งมาหลุดโค้งช่วงท้ายฤดูกาลที่แพ้ 3 จาก 5 นัดสุดท้าย โดนทั้ง เชลซี และแมนฯ ซิตี้ แซง พวกเขา จบเพียงแค่อันดับ 4 ของตารางคะแนน
มิหนำซ้ำ หลังโดนนิวคาสเซิ่ล คัมแบ็กใส่นัดนี้อีก 3 สัปดาห์ พวกเขาก็ชวดแชมป์เมเจอร์แรกในรอบหลายปี เพราะไปแพ้ให้กับทีมรองบ่อนอย่างเบอร์มิงแฮม ในนัดชิง ลีก คัพ อีกต่างหาก
หลังจบฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อล ก็เสีย 3 แข้งหลัก กาแอล กลิชี่ กับ ซาเมียร์ นาสรี่ ย้ายไปแมนฯ ซิตี้ ส่วน เชส ฟาเบรกาส อำลากลับบ้านไปอยู่กับบาร์เซโลน่า
อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ต้องปั้นทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในแต่ละปี ก็มักเสียแข้งชั้นดีไปเสมอๆ จนพวกเขาค่อยๆ หลุดจากการเป็นทีมลุ้นแชมป์ มาเป็นเพียงแค่ทีมลุ้นอันดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก
จากนั้น เมื่อ เวนเกอร์ อำลาไป วัฐจักรของอาร์เซน่อล จึงต้องเริ่มใหม่แทบทั้งหมด อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
**อย่าลืมมาร่วมรับชมคลิปประกอบเพิ่มอรรถรสอย่างเต็มเปี่ยมได้ที่ : http://ow.ly/2jfZ30s5j5a **
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117