มีการคำนวณออกมาแล้วว่าโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะฝ่าด่านผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลนี้มีเพียงแค่ 22 เปอร์เซนต์เท่านั้น
นี่คือสถิติที่ระบุไว้ หากคุณไปเล่นในฐานะทีมเยือนแล้วพ่ายก่อน 1-3 ในเลกแรกจะเหลือทางรอดเพียงแค่นี้เอง
อย่างไรก็ดีอะเวย์โกลที่ได้กลับมาจากมาดริดถือว่าสำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยให้ลิเวอร์พูลไม่ได้เสียเปรียบมากเกินไปนัก
ลองจินตนาการตามถึงเกมที่แอนฟิลด์ในเลกสองดูแล้วกัน หากขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว รับรองว่าจะโยนความกดดันไปให้เรอัล มาดริดทันที
ถ้ายิงได้อีกประตูสกอร์รวมจะเป็น 3-3 ก็จริง แต่คราวนี้สับเปลี่ยนมาทางฝั่งลิเวอร์พูลได้เปรียบแล้วจากอะเวย์โกล หากตรึงผลอย่างนี้ไว้จนจบเวลาจะเข้ารอบทันที
เอาจริงๆไม่ใช่เรื่องยากโหดหินหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ลิเวอร์พูลจะพลิกสถานการณ์กลับมาเข้าตัดเชือก
นอกจากนี้สองฤดูกาลก่อนที่พวกเขาได้แชมป์ ในรอบรองชนะเลิศเลกแรกที่เจอบาร์เซโลน่ายังกลับออกมาจากคัมป์นูด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับ 0-3 แทบทุกคนคิดว่าไม่มีทางเลยที่ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น
หากเป็นทีมอื่นยังพอไหว แต่นี่คือบาร์ซ่ามองมุมไหนก็ไม่เห็นทางรอดผ่านไปถึงนัดชิงชนะเลิศได้เลย
แล้วก็อย่างที่เห็นกันเลย แข้งหงส์รวมพลังกอดคอสู้ตายก่อนจะรัวบาร์เซโลน่าอย่างสะใจ 4-0 ตอนนั้นเดอะ ค็อปทั้งโลกมั่นใจว่ายังไงก็ต้องครองแชมป์แล้ว ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อย่างไรก็ดี เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยยอมรับเองว่าน่าเสียดายมากๆ จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนาม
เพราะเสียงเชียร์จากแฟนๆในแอนฟิลด์ คือส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันนักเตะตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ยังข่มขวัญสั่นประสาทผู้มาเยือนด้วย
บรรยากาศรอบข้างที่ปลุกเร้ามีส่วนสำคัญมากๆ นั่นคือสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการเพื่อนำไปสู่จุดเปลี่ยน
กระนั้นมีแฟนบอลบางส่วนเริ่มทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งแตกต่างจากสองซีซั่นอย่างสิ้นเชิง
นอกจากไม่อยากเชื่อว่าจะดร็อปลงอย่างน่าใจหาย ยังต้องเผชิญหน้ากับความโชคร้าย ผู้เล่นคนสำคัญบาดเจ็บมากมาย ผลัดเวียนกันรักษาตัว
แนวรับกลายเป็นจุดที่ต้องเร่งแก้ไขด่วน เมื่อไม่มี 3 เซ็นเตอร์แบ็กอยู่พร้อมๆกัน เฟอร์กิล ฟานไดค์ , โจ โกเมซ และ โจเอล มาติป ต่างขึ้นเตียงพยาบาล
ใครเจออย่างนี้เข้าก็ต้องได้รับผลกระทบครั้งใหญ่อย่างไม่มีทางเลี่ยงหรอก ลิเวอร์พูลเองก็ไม่ใช่ทีมเทวดาจากไหน ยังไงก็ต้องยอมรับชะตากรรม
สำหรับ คล็อปป์ แล้วจะดูสุดโต่งเกินไปในบางเรื่อง รีแอ็กชั่นต่างๆ การแสดงออกในสนาม รวมทั้งให้สัมภาษณ์อ้างลมฟ้าอากาศ
แต่อย่างหนึ่งที่ต้องรู้ไว้เลย เขาจะไม่ยอมโยนผ้ายอมแพ้ง่ายๆ จนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดสุดท้ายนั่นแหล่ะ
ประเด็นนี้นักเตะทุกคนที่เคยร่วมงานกันมาต่างรู้ดี ไม่ว่าจะเป็นที่ลิเวอร์พูลหรือสมัยกุมบังเหียนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แล้วตอนนี้นกหวีดสุดท้ายยังไม่ส่งเสียงออกมา นั่นหมายความว่ายังไม่มีการยอมแพ้เด็ดขาด
-----------------
ย้อนไปในวันแรกที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มงานในบทบาทผู้จัดการทีมคนใหม่ลิเวอร์พูลเสียบแทน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สถานะของทีมจัดว่าทรุดหนัก เหมือนคนเป็นป่วยงอมเรื้อรังมานาน ไม่ง่ายที่จะรักษาให้ฟื้นในเร็ววัน
ก่อน บีร็อด โดนปลดจากตำแหน่งลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 10 บนตารางพรีเมียร์ลีก ในสถานการณ์ดังกล่าว ไม่มีเดอะ ค็อปคนไหนเชื่อเลยว่าจะพลิกกลับมาครองแชมป์พรีเมียร์ลีกสำเร็จ
แม้จะรู้ดีว่าการกู้หงส์แดงให้ผงาดอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำท่าจะฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ได้ 2-3 ครั้งทั้งในยุค เชราร์ อุลลิเยร์ , ราฟา เบนิเตซ แม้กระทั่ง ร็อดเจอร์ส แต่ก็ได้แค่เฉียดเท่านั้นเอง
อย่างที่บอกไว้อันดับ 2 ไม่มีใครจดจำ แม้ส่วนตัวแล้วคนที่ทำได้จะภูมิใจก็ตาม
เหตุผลที่ คล็อปป์ ตัดสินใจรับงานนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความท้าทาย ร่างกายและพลังยังมีไฟอยู่ เขาอยากจะลองดูสักหน่อยว่ามันจะยากแค่ไหนกันกับภารกิจนี้ หลังผ่านมือยอดกุนซือมากมายแต่ไม่สำเร็จ
เมื่อมาถึงวันแรกหลังจากทำความรู้จักกับลูกทีมคนใหม่แล้ว คล็อปป์ ก็แจกแจงถึงเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำกันต่อไปในซีซั่นที่เหลืออยู่
เขาบอกกับทุกคนว่าในเกมฟุตบอลมีปัจจัยที่สำคัญหลายอย่างเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ แต่อย่างหนึ่งสำคัญไม่แพ้กันและอาจจะมากที่สุดในความรู้สึกและประสบการณ์ที่ผ่านมานั่นคือความศรัทธา
เข้าใจว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนเลย เป็นกุนซือคุมทีมฟุตบอลที่อาจประสบความสำเร็จในบุนเดสลีกามาบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายมหาศาลอะไรนัก
แต่อย่างแรกที่จะนำไปถึงเป้าหมายนั่นคือต้องมีความศรัทธา แล้วเมื่อคุณมีสิ่งนี้อยู่ข้างใน ความเชื่อมั่นก็จะตามมาทันที
ผลการแข่งขันแต่ละเกมอาจไม่ใช่สิ่งชี้วัดเสมอไป ขอให้มีพลังความเชื่อมั่นเป็นที่ตั้งเท่านั้นพอ
นี่คือสิ่งที่ คล็อปป์ เริ่มนำมาเปลี่ยนแปลงภายในทีม ปรับทัศนคตินักเตะทุกคน รวมทั้งทีมงานที่ยังร่วมหัวจมท้ายกันอยู่
ขณะเดียวกันความรู้สึกเหล่านี้ก็ควรส่งต่อไปยังเดอะ ค็อปทั้งหลาย แม้ว่าหลายคนจะตื่นเต้นที่ได้ คล็อปป์ มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เพราะมีประวัติไม่ธรรมดา สร้างชื่อในบุนเดสลีกาด้วยการทลายอำนาจของบาเยิร์น มิวนิคสองฤดูกาลติดต่อกัน
แต่ลึกลงไปแล้ว ด้วยปัญหาหลายอย่างที่สุมรุมเร้ากันมา ทำให้มันไม่ค่อยอยากจะมีความหวังอะไรนัก
เพราะรู้ว่าพูดไปนักเตะอาจจะไม่ซึมซับ คำพูดเหล่านี้ใครก็นำมาใช้ได้ ไปเปิดตำราท่องมา เปล่งเสียงให้มีพลังกระแทกกระทั้งความสนใจ
ใครที่ได้ฟังอาจมีอารมณ์อยู่แล้ว แต่มันน่าจะแค่ช่วงเวลาดังกล่าว หลังจากนั้นก็อาจจะลืมเลือนไปตามเวลา
ถ้าจะให้ดีต้องปฏิบัติให้เห็น ดังนั้นเราจึงได้เห็นความบ้าบิ่นในระดับเฮฟวี่เมทัลของ คล็อปป์ อย่างที่ทุกคนตะลึง บางคนอดขำไม่ได้ แต่มันแสดงออกมาจากข้างในจริงๆ
อย่างเกมลีกกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนซึ่งลิเวอร์พูลไล่ตามตีเสมอสำเร็จ 2-2 ในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ปกติแล้วคงไม่ต้องดีใจอะไรกันมาก ในเมื่อเจอทีมรองกว่าแล้วไล่ทวงกลับ
แต่ คล็อปป์ นำลูกทีมทุกคนไปฉลองดีใจกับเดอะ ค็อปอย่างสนุกสนาน ยกมือชูพร้อมๆกัน อีกทั้งยังร้องเพลงอย่างไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น
แฟนบอลทีมอื่นได้แต่หัวเราะร่า นี่แค่เสมอแบ็กกี้ส์ทีมที่หนีตกชั้นมาตลอด ยังดีใจบ้าคลั่งขนาดนี้เลยหรือ
คล็อปป์ เองก็คงพอจะรู้สายตาหรือความรู้สึกของคนนอก แต่ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไร สิ่งที่เขาควรแคร์คืออารมณ์ร่วมและความรู้สึกของคนที่เกี่ยวข้องต่างหาก
เราเห็นกันอยู่แล้ว แม้จะต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าลิเวอร์พูลจะประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่กุนซือเยอรมันทำเอาไว้ มันผลิดอกออกผลขึ้นมาจริงๆ
ในเมื่อเคยผ่านภารกิจที่ยากลำบากมามากมายนับไม่ถ้วน นี่อาจเป็นแบบทดสอบอีกครั้ง
มรสุมลูกใหญ่กว่านี้ก็ฝ่ามาแล้ว เกมเลกสองกับมาดริด ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังเลย
มองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ผ่านมา บางทีเราอาจไม่แปลกใจเลยว่าถ้าลิเวอร์พูลจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสำเร็จ
------------
ไม่รู้เหมือนกันว่า ลิเวอร์พูล จะฝ่าด่าน เรอัล มาดริด ไปได้หรือไม่ ทว่าสิ่งที่แน่นอนคือเกมเลก 2 ที่แอนฟิลด์ มันจะต้องเป็นเกมคุณภาพแน่ๆ ส่วนใครอยู่บ้านเบื่อๆไม่มีอะไรทำ ให้ MYSBOBET ช่วยคุณสิครับ รับรองว่าคุณลืมไม่ลงแน่นอน ที่นี้มีความสนุกพร้อมให้คุณเริ่มต้นแบบไม่ต้องรอตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อเลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117
---------------------------------------------
เห็นก่อน อ่านก่อน !!
กด "ติดตาม" และเลือก "เห็นโพสต์ก่อน (See First) "
https://www.facebook.com/cheerball/
บทความดีๆ เรื่องราวกีฬาฟุตบอล
เรานำเสนอให้คุณได้อ่านทุกวัน
---------------------------------------------